ประวัติความเป็นมาของวนอุทยานแห่งชาติแพะเมืองผีจังหวัดแพร่ 

         เมื่อพูดถึงแพะเมืองผีแล้วเชื่อว่าหลายคนคงพอจะนึกออกว่าลักษณะของวนอุทยานแพะเมืองผีนั้นเป็นอย่างไร

เพราะสถานที่แห่งนี้บอกได้เลยว่าเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างก็พยายามกันเพื่อประชุมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ว่ามันเกิดขึ้นมาเองธรรมชาติได้อย่างไรซึ่งที่นี่นั้นตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของตำบลน้ำชำโดยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้เนื่องจากว่าสถานที่แห่งนี้มีความเก่าแก่อายุมากกว่า 2 ล้านปีมาแล้วซึ่งเป็นข้อมูลการวิเคราะห์ของทางด้านนักวิทยาศาสตร์ที่ได้มีการมาสำรวจพื้นที่ 

          ลักษณะของวนอุทยานแพะเมืองผีนั้นก็จะเป็นเนินดินและเนินหินซึ่งมีรูปร่างแตกตราดเพราะถูกทั้งลมและฝนกัดกร่อนตามกาลเวลาจนมีรูปร่างผิดเพี้ยนไปไม่ได้เป็นเนินดิน  อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ผู้คนต่างพากันเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าแพะเมืองผีนั่นก็เพราะว่าสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดแพร่ซึ่งเป็นจังหวัดแห่งหนึ่งของภาคเหนือดังนั้นการตั้งชื่อสถานที่ท่องเที่ยวจึงยึดตามชื่อพื้นเมือง อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าสถานที่ท่องเที่ยวนั้นจะอยู่ภายในวนอุทยาน

        พื้นที่ส่วนใหญ่ก็คือป่าเนินหินดินทราย  มองไปทางไหนก็เงียบเหงาวังเวงเปล่าเปลี่ยวน่ากลัวทำให้ชาวบ้านจึงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าป่าที่เงียบเหงาเพราะที่นี่นั้นเป็นป่าละเมาะขนาดใหญ่ซึ่งสภาพภูมิอากาศโดยรวมแล้วค่อนข้างที่จะวังเวงและน่ากลัวเป็นอย่างมากดังนั้นภาษาเหนือคำว่าป่าละเมาะนั้นก็คือคำว่าแพะ  ส่วนสถานที่เงียบเหงาวังเวงนั้นชาวบ้านเปรียบเทียบเหมือนกับสถานที่แห่งนั้นเป็นเมืองผีดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงถูกเรียกว่าแพะเมืองผีนั่นเองหรือถ้าหากเราต่อตรงตัวก็คือป่าที่มีความเงียบเหงาและวังเวงน่ากลัวเป็นอย่างมาก 

         สำหรับตำนานที่มีการพูดถึงแพะเมืองผีว่าทำไมถึงมีลักษณะรูปร่างเหมือนที่เห็นในปัจจุบันนั้นตามตำนานของคนโบราณบอกว่าในสมัยก่อนนั้นพื้นที่ตรงนี้มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมากมีทั้งป่าไม้มีทั้งต้นไม้ภูเขามีสัตว์น้อยใหญ่เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด

อยู่มาวันหนึ่งได้มีหญิงชราคนหนึ่งได้หลงเข้ามาในป่าแห่งนี้แล้วหญิงชราบังเอิญเดินตกลงไปในหลุมเมื่อตกลงไปก็พบว่าในหลุมดังกล่าวนั้นมีทรัพย์สินเงินทองมากมายทั้งทองคำแหวนเงินทองจึงได้มีการนำทรัพย์สินดังกล่าวนั้นออกไป

         แต่ระหว่างทางที่มีการนำทรัพย์สินเงินทองออกไปนั้นปรากฏว่าหญิงชราคนดังกล่าวเกิดหลงทางอีกจึงได้วางหอทรัพย์สินที่หอบมาเอาไว้แล้วทำสัญลักษณ์เอาไว้ตรงจุดดังกล่าวหลังจากนั้นก็เดินเท้าออกมาจากป่า อย่างไรก็ตามเมื่อหญิงชราออกมาจากป่าได้แล้วก็ไปบอกชาวบ้านว่าภายในป่าดังกล่าวนั้นมีทรัพย์สินเงินทองมากมายและตนเองก็มีกันทำสัญลักษณ์ทิ้งเอาไว้จึงชักชวนให้ชาวบ้านย้อนกลับเข้าไปในป่าเพื่อไปเอาทรัพย์สินแต่เมื่อไปถึงตรงจุดที่คิดว่าตนเองวางเอาไว้กับหาไม่เจอทำให้หญิงชรากับชาวบ้านต่างพากันเดินออกตามหาจนทั่วป่า

แต่ก็หาไม่พบซึ่งชาวบ้านก็พากันขุดหาตามพื้นดินจนเกิดเป็นหลุมเล็กหลุมน้อยเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดหลังจากนั้นชาวบ้านก็ต่างเล่าลือกันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นป่าเมืองผีและถูกเรียกเป็นภาษาเหนือเป็นแพะเมืองผีนั่นเอง 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ufabet